ทำไมต้องศิลปะ
เคยมีคนถามผู้เขียนหลายครั้งมากว่า "ทำไมต้องเรียนศิลปะ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรเลย" แต่จริงๆ แล้ว "ศิลปะ" นั้นเกี่ยวข้องกับผู้คนและในชีวิตประจำวันของเราตั้งแต่ตื่นนอนยังหลับตา ตั้งแต่เกิดจนตาย
แต่อาจจะเป็นเพราะว่า "ศิลปะ" นั้นอยู่กับชีวิตประจำวันของเรา และใกล้ตัวเราจนบางครั้งเราอาจะลืมเลือนกันไป และหลายๆ คนก็มองเห็นว่า "ศิลปะ" นั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับการเรียน หรือกับชีวิต สู้วิชาหลักๆ อย่างเช่นคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ ฯลฯ ไม่ได้ เพราะเป็นวิชาที่เด็กๆ จะต้องใช้ในการแข่งขันทางด้านการศึกษา ก็ควรที่จะทุ่มเท และผลักดันวิชาต่างๆ เหล่านั้นให้ได้คะแนนดีๆ
ดังนั้นความละเอียดอ่อนในทางจิตวิญญาน, จินตนาการ และการมองโลกในแง่ดีด้วยความบริสุทธิ์ โลกที่สวยงามของเด็กๆ ก็จะค่อยๆ เลือนหายไป โดยปัจจัยภายนอกต่างๆ เข้ามารุมเร้า รวมไปถึงการแข่งขันต่างๆ กันตั้งแต่เด็กๆ จนเด็กหลายๆ คนเริ่มสูญเสียจินตนาการ เริ่มสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองและการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมภายนอก และเริ่มห่างเหินจากตัวตนของตนเองออกไปเรื่อยๆ
"ศิลปะ" จะทำให้คนเริ่มหันกลับมามองภายในของตนเอง และเริ่มจิตใจละเอียดอ่อน เกิดความคิด จินตนาการ และการมองสิ่งต่างๆ ด้วยหัวใจ และสายตาที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น จนเคยมีคนกล่าวว่า "การวาดภาพ ระบายสี หรือขีดเขียนเส้นสาย ลวดลายต่างๆ นั้นช่วยจรรโลงจิตใจ ช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้จิตใจอ่อนโยน สงบ มีสมาธิ และไม่หยาบกระด้าง"
แม้แต่ในแง่มุมของทางวิทยาศาสตร์ ก็ได้มีการค้นพบว่า "การที่มนุษย์ได้วาดภาพหรือระบายสีนั้น เหมือนเป็นการกระตุ้นประสาททั้ง 5 ของมนุษย์ ทำให้เซลล์สมองนั้นมาเชื่อมต่อกันเป็นวงจรประสาท และเมื่อมีการเชื่อมต่อกันเป็นวงจร จัดระเบียบได้ดีขึ้น สมองก็จะมีประสิทธิภาพเพื่มขึ้นตามไปด้วย"
หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ในวัยทำงาน วันๆ ที่ต้องทำงาน เผชิญกับความเครียดต่างๆ ทั้งเรื่องงาน หรือผู้ร่วมงาน การทำงาน "ศิลปะ" จะช่วยสร้างสมาธิให้ดีขึ้น ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานประจำวัน ช่วยให้สร้างสรรค์ และปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างไม่จำกัด อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาทักษะทางด้านกาย การใช้ระบบประสาทส่วนต่างๆ ให้สัมพันธ์กัน "ตาดู หูฟัง สมองคิด(ประมวลผล), และถ่ายทอดผ่านไปสู่มือ" เมื่อเกิดการผ่อนคลายของอารมณ์แล้ว สมองก็จะมีประสิทธิภาพในการคิดและจดจำ ลอดความเสียงของการเกิดโรคความจำเสื่อม ฟื้นฟูการใช้ระบบประสาทส่วนต่างๆ เกิดความเพลิดเพลิน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ จนกระทั่งอาจจะก่อให้เกิดเป็นรายได้
ทำไมต้อง "ศิลปะ" ก็พอจะมีประโยชน์รวมๆ พอจะกล่าวได้ดังนี้ มีส่วนช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ชีวิต, การเรียน, การทำงาน, มีอารมณ์ดี, สุขภาพจิตดี และหากเราลองสังเกตุดูดีๆ ว่าความสำเร็จต่างๆ หลายอย่าง มักจะมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเสมอๆ ดังคำกล่าวของ "ไอสไตน์" ที่กล่าวเอาไว้ว่า "จินตนาการนั้น สำคัญกว่าความรู้" รวมๆ ไปถึงการสร้างศักยภาพต่างๆ ในการเรียนรู้ และการแก้ปัญหาได้ดีขึ้น
ดังนั้นแล้ว ทั้งผู้ปกครอง, นักเรียน หรือผู้ที่ชื่นชอบในงาน "ศิลปะ" ก็ควรหาโอกาสทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับ "ศิลปะ" อาจจะฝึกฝนด้วยตนเอง หรือไปเรียนตามสถานที่เปิดสอนศิลปะต่างๆ เพื่อจะเป็นการช่วยดึงเด็กๆ รวมไปถึงผู้ปกครอง และตัวคุณ กลับเข้าไปความสงบทางจิตวิญญาน กลับเข้าสู่ภายในตัวตนของตนเอง หลังจากที่ได้ถูกเรื่องราวและสังคมรอบข้าง เหตุการณ์ต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเรามาบดบังความคิดและจิตใจอันเป็นอิสระของเรา ดังคำกล่าวของ "ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี" กล่าวเอาไว้ว่า "ชีวิตนั้นสั้น แต่ศิลปะยืนยาว"
"ครูช้าง"
เชียงใหม่ 2556
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น