Work Shop สีเทียน โรงเรียนบ้านเหมืองลึก-07.10.2020
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปทำเวิร์คช็อปสีเทียนให้เด็กๆ ชั้นประถมต้น ป.1-3 ที่ โรงเรียนบ้านเหมืองลึก อ.แม่ทา จ.ลำพูน เรียกได้ว่าเด็กๆ ตื่นตา ตื่นใจ นับว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีของเด็กๆ เลยหล่ะ
กิจกรรมเวิร์คช็อปนี้จะใช้เวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้ไม่ไปกระทบกับการเรียนของเด็กๆ ที่คุณครูได้แพลนเอาไว้
ผมเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องสีเทียนให้เด็กๆ ฟังว่าสีเทียนต่างจากสีออลย์ปาสเทลอย่างไร เหมือนกันอย่างไร เพื่อให้เด็กๆ ได้มีความรู้พื้นฐานที่จะนำสีมาใช้
ต่อจากนั้นผมก็ได้เริ่มแนะนำถึงเรื่องวิธีการระบายสีเทียนว่ามีเทคนิคอย่างไร แะระบายอย่างไรได้บ้างเพื่อเป็นพื้นฐานในการระบายสีในครั้งต่อๆ ไป
พื้นฐานง่ายๆ ของการระบายสีเทียนที่ผมได้แนะนำให้เด็กๆ ในวันนี้เพื่อที่พวกเค้าจะได้นำสิ่งต่างๆ ที่ผมได้แนะนำในวันนี้ไปพัฒนาต่อยอดในรูปแบบของตัวของเค้าเองได้
หลังจากที่ผมได้แนะนำวิธีการระบายสีในแบบต่างๆ ให้เด็กๆ แล้ว ผมก็จะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้คิดวิเคราะห์ และซักถามถึงวิธีคิด และวิธีการระบายสีในแบบต่างๆ ซึ่งผมก็จะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด เข้าใจง่าย และเด็กๆ ชั้นประถมต้นสามารถนำไปปฏิบัติต่อได้ และเมื่อเด็กๆ เข้าใจแล้ว เด็กๆ จึงลงมือทำ โดยที่ผมย้ำเสมอๆ ว่า "ให้ดูวิธีการของครูว่าถ้าเธอทำแบบนี้ ผลลัพธ์ก็จะเป็นแบบนี้ แต่เรื่องของเความคิดสร้างสรรค์ และรูปแบบนั้นเป็นของเธอเต็มที่ ทำไปเลยไม่ต้องกังวลว่ามันจะผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ใช่ แต่สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือเมื่อเธอคิดว่าเป็นแบบนี้ เธอก็ลงมือทำไปอย่างที่เธอคิด โดยเอาวิธีการของคือเป็นพื้นฐาน และหากเธอทำได้ดีกว่าครู นั่นคือสุดยอด เพราะครูก็ต้องการให้เป็นแบบนั้น"
ผลงานพื้นฐานการระบายสีของเด็กๆ ในแบบต่างๆ ก่อนจะได้ทำการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่อไป ซึ่งเป็นวาดภาพจากสิ่งที่เด็กๆ เห็นโดยนำพื้นฐานการระบายสีเทียนนี้มาปรับใช้ ในเบื้องต้นผมได้วาดให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และเห็นถึงวิธีการวาด โดยในในขั้นตอนนี้ผมจะอธิบายค่อนข้างละเอียดชนิดหมดไส้ หมดพุงกันเลยทีเดียว
ผมเลือกเอาต้นไม้บริเวณหน้าห้องเรียน เป็นโจทย์ในการวาด จากนั้นก็ฝึกในเรื่องของการมอง มองเพื่อให้เกิดจินตนาการ จากนั้นก็ลงมือวาดตามที่จินตนาการเอาไว้ พยายามทำให้ สายตา สมอง และมือทำงานสัมพันธ์กันมากที่สุด และเมื่อเราทำแบบนี้บ่อยๆ จนเกิดความชำนาญ สามารถใช้มือได้ตามที่เราต้องการ นั่นแสดงว่าการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายเรา ก็คือ สายตา สมอง และมือนั้นทำงานสัมพันธ์กันได้ดีมากๆ เลยทีเดียว
ผมใช้เวลาไม่มากนักกับรูปนี้ ไม่เกิน 10 นาที ก็ได้ภาพที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ในการวาดภาพแล้ว
จากนั้นเด็กๆ ก็ได้ลงมือปฏิบัติงานจริง กันอย่างสนุกสนาน ตามจินตนาการชนิดที่ออกทะเลไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ฮะๆๆๆ อยากรู้หล่ะสิครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ
เด็กๆ กล้าที่จะใช้สีที่ฉวัดเฉวียนมากขึ้น กล้าแสดงออกทางด้านความคิดมากขึ้น จากที่เคยระบายสีแบนๆ โดยที่เด็กๆ บอกกับผมว่า "หนูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า สีเทียนมันสามารถระบายสีแบบนี้ก็ได้ด้วย เพราะปกติแล้วหนูเห็นเค้าใช้แต่สีออลย์ปาสเทล"
ที่ผมเล่าให้ฟังว่าบางคนจินตนาการออกนอกทะเลไปเลยนั้น ลองสังเกตุดูดีๆ จะมีเด็กๆ บางคนวาดภาพต้นมะพร้าวที่อยู่บนเกาะกลางทะเล คุยไปคุยมาก็บอกว่า "หนูอยากไปเที่ยวทะเล เพราะเกิดมาหนูเคยเห็นทะเลแต่ในทีวี ในรูป"
เมื่อเด็กๆ ทำผลงานเสร็จแล้ว เด็กๆ เค้าก็จะภูมิใจในผลงานของพวกเค้ามาก แบบว่าครูให้เอากลับบ้านไหม หนู/ผม จะเอากลับไปอวดพ่อแม่อะไรประมาณนี้
ช่วงสุดท้ายสนุกมาก หลังจากเด็กๆ ได้สร้างสรรค์ผลงานเสร็จแล้ว ผมก็จะเปิดโอกาสให้เด็กๆ มานำเสนอผลงานของตัวเองทีละคน เพราะอยากทราบว่าเด็กๆ เค้าคิดอะไร มีแรงบันดาลใจมาจากอะไร ทำไมถึงวาดรูปนี้ ใช้โครงสีแบบนี้ และวีธีการระบายสี เป็นอย่างไร เด็กๆ เค้าก็จะนำเสนอไปในแบบฉบับของพวกเค้า แบบน่ารักๆ ไม่มีผิด ไม่มีถูก สิ่งหนึ่งที่ผมอยากเห็นก็คือเด็กๆ กล้าแสดงออก กล้าพูดในสิ่งที่ถูกต้อง จากสิ่งที่เค้าคิด ที่เค้าทำ ภาพทุกภาพมีความหมายอยู่แล้ว ก่อนที่ผู้สร้างสรรค์จะวาดมันออกมาก มันต้องผ่านกระบวนการทางความคิด จนมันตกผลึก และได้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยวิธีการที่แยบคายทางศิลปะ
และสิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ คือพวกเค้ามีความกล้ามากขึ้น สามารถวาดรูปโดยไม่ต้องใช้ดินสอ ไม่ต้องพึ่งพายางลบ และมั่นใจในการวาดรูปมากขึ้น หากผิดพลาดก็หาทางแก้ไข และต่อยอดจากภาพเดิมได้ นี่แหล่ะคือสิ่งที่ผมว่ามันสุดยอดแล้วในการเรียนศิลปะ ซึ่งไม่ใช่ว่าต้องวาดรูปสวย แต่มันเป็นขบวนการคิดเพื่อนำไปบูรณาการกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเราต่างหาก เหมือนที่ผมมักจะบอกกับเด็กๆ เสมอๆ ว่า ศิลปะมันไม่ใช่แค่วาดรูปสวยๆ แต่ศิลปะมันคือกาารใช้ชีวิตที่มีความสุข และสวยงามต่างหาก
เมื่อเด็กๆ ได้นำเสนอแล้ว ผมก็ได้แนะนำ ปรับปรุง แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเด็กๆ ได้นำไปพิจารณา เพื่อจะได้นำไปแก้ไขในการทำงานครั้งต่อๆ ไป ที่สำคัญก็คือไม่ลืมที่จะเป็นกำลังใจ และยอมรับกับผลงาน สิ่งที่เด็กๆ ทำในแบบฉบับของเด็กๆ ที่บริสุทธิ์โดยไร้การแทรกแซงทางความคิดจากผู้ใหญ่
นี่คือสิ่งที่ผมภูมิใจในตัวพวกเด็กๆ มากก็คือ หลังจากที่ผมกลับมาแล้ว เด็กๆ ก็ได้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปพัฒนาต่อยอดในแบบฉบับของพวกเขา ซึ่งเราจะได้ผลงานที่หลากหลายมากกว่าจะได้ผลงานที่เหมือนครูผู้สอนเพียงชิ้นเดียว ... ครูก็ขอเป็นกำลังใจให้เด็กๆ ชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านเหมืองลึกทุกๆ คน ขอให้ดูแลตัวเองดีๆ วาดรูปบ่อยๆ พัฒนาทักษะทางด้านศิลปะ พัฒนาทางด้านความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างสรรค์ต่อไป ครูจะเฝ้าคอยชื่นชมความสำเร็จของพวกๆ เธอ และครูจะหาเวลาไปพัฒนาทักษะทางด้านศิลปะ ด้วยเทคนิคอื่นๆ อีกต่อไป
ขอบคุณค่า
ตอบลบยินดีนักๆ ครับครู
ลบ