บทความ

"การบริหารสมองเป็น 2 เท่า ด้วย Brain Activation"

รูปภาพ
ก ารบริหารสมอง  หมายถึง การบริหารร่างกายในส่วนที่สมองควบคุมโดยเฉพาะกลุ่มเส้นประสาท Corpus Callosum ซึ่งเชื่อมสมอง 2 ซีกเข้าด้วยกันให้ประสานกัน แข็งแรงและทำงานคล่องแคล่วอันจะทำให้การถ่ายโยงข้อมูลและการเรียนรู้ของสมอง 2 ซีกเป็นไปอย่างสมดุลเกิดประสิทธิภาพและยังช่วยให้เกิดความผ่อนคลายความตึง เครียด ทำให้สภาพจิตใจเกิดความพร้อมที่จะเรียนรู้ เกิดความจำทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีอารมณ์ขันเพราะคลื่นสมอง (Brain Wave) จะลดความเร็วลงคลื่นเบต้า (Beta) เป็น อัลฟา (Alpha) ซึ่งเป็นสภาวะที่สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 1. การบริหารปุ่มสมอง ใช้มือขวาวางบริเวณที่ใต้กระดูกคอและซี่โครงของกระดูกอก หรือที่เรียกว่าไหปลาร้าจะมีหลุมตื้นๆ บนผิวหนังใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ คลำหาร่องหลุ่มตื้นๆ 2 ช่องนี้ซึ่งห่างกันประมาณ 1 นิ้วหรือมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับขนาดร่างกายของแต่ะละคนที่มีขนาดไม่เท่ากัน ให้นวดบริเวณนี้ประมาณ 30 วินาที และให้เอามือซ้ายวางไปที่ตำแหน่งสะดือ ในขณะที่นวดปุ่มสมองก็ให้กวาดตามองจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้ายและจากพื้นขึ้นเพดาน ประโยชน์ของการบริหารปุ่มสมอง -เพื่อกระตุ้นระบบประสาทและเส้นเลือด

กิจกรรมการวาดภาพแบบ Automatism

รูปภาพ
กิจกรรมการวาดภาพแบบ Automatism เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ผู้เขียนมักจะให้เด็กๆ ได้ทดลองทำและวาดกันอยู่เสมอๆ เป็นการฝึกทักษะความสัมพันธ์กันระหว่างสายตา, สมาธิ และมือ เป็นอยางมาก โดยเวลาวาดก็ควรให้เด็กๆ จ้องมองไปที่หุ่นที่ต้องการจะวาด และหุ่นก็ไม่ควรที่จะยากจนเกินไปสำหรับเด็กๆ อาจจะเป็นกล่องรูปทรง และขนาดที่ต่างๆ กัน ตุ๊กตา โคมไฟ แจกัน หรือผลไม้ เวลาที่เด็กๆ วาด ก็ควรจะให้เด็กมีสมาธิ จิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่จะวาด สายตาจับจ้องอยู่กับหุ่นที่เป็นแบบนั้นๆ โดยที่ไม่ก้มลงมองกระดาษเลย ส่วนมือก็ควรวาดไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องยกดินสอ ปล่อนให้เส้นที่วาดนั้นลื่นไหลออกมาจากภายใน และมือนั้นไม่ต้องเกร็ง เคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระ ที่สำคัญไม่ควรวัดผลจากภาพว่าวาดได้เหมือนต้นแบบไหม แต่ให้ดูว่าเส้นของเด็กๆ ออกมาเป็นอย่างไรมากกว่า เป็นกิจกรรมง่ายๆ ทางศิลปะอย่างหนึ่งที่ผู้ปกครองสามารถนำไปให้เด็กๆ ทดลองทำกันได้เพื่อเป็นการฝึกความสัมพันธ์กัน ระหว่างสายตา สมาธิ และมือ ครูช้าง เชียงใหม่ 2556

สีน้ำ หรือสีไม้ดี?

รูปภาพ
หลายๆ ครั้งที่ผู้ปกครอง. นักเรียน หรือใครอีกหลายๆ คน มักจะสอบถามจากผู้เขียนอยู่เสมอๆ ว่า ระหว่าง "สีน้ำ" กับ "สีไม้" เราเลือกใช้สีอะไรดีกว่ากัน ซึ่งผู้เขียนพอจะอธิบายได้เป็นสังเขปดังต่อไปนี้นะครับ "สีไม้" จะมีความทึบแสงมากกว่า "สีน้ำ" เป็นสีที่มีลักษณะแห้ง สามารถระบายซ้ำๆ รอยเดิมได้โดยที่สีไม่หม่น เนื้อสีเรียบ สามารถสร้างมิติของภาพได้ด้วยเทคนิคของการระบายของแต่ละคน มีเส้นที่คมชัดมากกว่า  ส่วน "สีน้ำ"  จะมีความโปร่งแสงมากกว่า จึงทำให้ดูสดใส สมจริง มีชีวิตชีวา เป็นสีที่ต้องใช้น้ำผสม แต่ก็สามารถแห้งได้ในระยะเวลาอันสั้น ข้อต่อมา "สีไม้" พกพาสะดวก เพราะมีแค่สีไม้เพียงกล่องเดียว ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้แล้ว แต่ถ้าหากเป็น "สีน้ำ" หล่ะก็ เราจะต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ "สีน้ำ" มากมาย เช่น กระป๋องน้ำ, พู่กัน, จานสี อะไรอย่างนี้เป็นต้น ส่วนในเรื่องของการระบายสีนั้น เนื่องจากว่า "สีไม้" เป็นสีที่มีเส้นเล็ก จึงจำเป็นจะต้องระบายสีทับกันหลายๆ ครั้ง   "สีไม้" ไม่

ประโยชน์เล็กๆ ของศิลปะเด็ก

รูปภาพ
ผู้ปกครองหลายๆ คนอาจจะเคยสังเกตุเห็นบุตรหลานของตนเองเวลาวาดรูประบายสี ปั้นดินน้ำมัน หรือประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ นั้น บางทีผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็อาจจะไม่เข้าใจว่าเด็กๆ กำลังทำอะไร หรือบางทีอาจจะมองว่า เด็กๆ เหล่านั้นกำลังเล่นอยู่ก็ได้ ดังเช่นผู้เขียนเองในวัยเด็ก ก็มักจะถูกคุณพ่อ คุณแม่ หรือคุณครู ตำหนิอยู่เสมอๆ ว่าไม่ตั้งใจเรียน ไม่อ่านหนังสือ ไม่ทำการบ้าน วันๆ เอาแต่นั่งวาดรูปเล่น อะไรอย่างนี้เป็นต้น แต่ผู้ปกครองโปรดทราบเถิดว่านั่น เด็กๆ เขากำลังสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอยู่  ถึงแม้ว่าศิลปะของเด็กๆ นั้นอาจจะแตกต่างไปจากศิลปะของผู้ใหญ่ แต่เด็กๆ เขาจะมีมุมมองศิลปะในแบบของเขาเอง สามารถใส่จินตนาการต่างๆ เข้าไปได้อย่างเต็มที่ในผลงานของเขา อย่างที่เขาต้องการ แม้ว่าบางครั้งผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็มองไม่ออกเลยว่าสิ่งที่เด็กๆ กำลังวาดอยู่นั้น มันคือรูปอะไร เป็นเพราะว่าเด็กๆ เขาไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของรายละเอียด ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของความเหมือนจริง หรือสีสันต่างๆ ที่ต้องเหมือนจริง แต่ศิลปะที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้น คือ "จินตนาการจากความคิดของพวกเขานั่นเอง" และผู้ปกครองก็ไม่ควรไปชี้นำ ตำหนิ

ทำไมต้องศิลปะ

รูปภาพ
เคยมีคนถามผู้เขียนหลายครั้งมากว่า "ทำไมต้องเรียนศิลปะ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรเลย" แต่จริงๆ แล้ว "ศิลปะ" นั้นเกี่ยวข้องกับผู้คนและในชีวิตประจำวันของเราตั้งแต่ตื่นนอนยังหลับตา ตั้งแต่เกิดจนตาย แต่อาจจะเป็นเพราะว่า "ศิลปะ" นั้นอยู่กับชีวิตประจำวันของเรา และใกล้ตัวเราจนบางครั้งเราอาจะลืมเลือนกันไป และหลายๆ คนก็มองเห็นว่า "ศิลปะ" นั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับการเรียน หรือกับชีวิต สู้วิชาหลักๆ อย่างเช่นคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ ฯลฯ ไม่ได้ เพราะเป็นวิชาที่เด็กๆ จะต้องใช้ในการแข่งขันทางด้านการศึกษา ก็ควรที่จะทุ่มเท และผลักดันวิชาต่างๆ เหล่านั้นให้ได้คะแนนดีๆ ดังนั้นความละเอียดอ่อนในทางจิตวิญญาน, จินตนาการ และการมองโลกในแง่ดีด้วยความบริสุทธิ์ โลกที่สวยงามของเด็กๆ ก็จะค่อยๆ เลือนหายไป โดยปัจจัยภายนอกต่างๆ เข้ามารุมเร้า รวมไปถึงการแข่งขันต่างๆ กันตั้งแต่เด็กๆ จนเด็กหลายๆ คนเริ่มสูญเสียจินตนาการ เริ่มสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองและการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมภายนอก และเริ่มห่างเหินจากตัวตนของตนเองออกไปเรื่อยๆ "ศิลปะ" จะทำให